ลิเวอร์พูล โดนถล่มคาบ้าน แพ้ทีมเยือนอย่าง เบิร์นลี่ย์ 0-1

ลิเวอร์พูล โดนถล่มคาบ้าน แพ้ทีมเยือนอย่าง เบิร์นลี่ย์ 0-1

 

 

ลิเวอร์พูล โดนถล่มคาบ้าน แพ้ทีมเยือนอย่าง เบิร์นลี่ย์ 0-1

 

 

 

พรีเมียร์ลีก 2020-2021 ประจำโปรแกรมนัดที่ 18 เป็นการพบกันระหว่าง ลิเวอร์พูล เปิดรังเหย้า แอนฟิลด์ ต้อนรับการมาเยือนของ เบิร์นลีย์

เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือเจ้าบ้าน เลือกจัดทัพมาในระบบ 4-3-3 โดยปรับมาใช้สามแนวรุกเป็น เซอร์ดาน ชากิรี, ซาดิโอ มาเน และ ดีว็อก โอริกี้

ด้านทีมเยือนของ ฌอน ไดซ์ วางหมากมาในแผน 4-4-2 โดยฝากความหวังในแนวรุกไว้ที่คู่กองหน้าร่างใหญ่อย่าง คริส วู้ด และ แอชลีย์ บาร์นส์

 

เปิดครึ่งแรก

นาทีที่ 3

 ลิเวอร์พูล สร้างโอกาสแรกจากการเปิดด้านข้างทางฝั่งขวาของ ชากิรี่ ไปเข้าหัว  ฟาบินโญ่ ได้ขึ้นโขกแต่ดันโดนเหลี่ยมไม่ดีบอลเลยออกหลังไปไม่ได้ลุ้นอะไร

นาทีที่ 10

เบิร์นลี่ย์ ตอบโต้กลับขึ้นมาบ้าง คริส วู้ด จ่ายบอลตัดแผงกองหลังเจ้าบ้านไปให้  แอชลี่ย์ บาร์นส์ ทางฝั่งซ้ายของกรอบเขตโทษแล้วได้ส่องด้วยเท้าขวาแต่น้ำหนักและทิศทางไม่ดีส่งผลให้บอลไหลเข้ามือ อลีสซง เบ็คเกอร์ นายด่านเลือดแซมบ้ารับไว้ไม่มีปัญหา

 นาทีที่ 13

เบิร์นลี่ย์ หวิดขุดสกอร์แรกเมื่อ อลีสซง เบ็คเกอร์ ออกมาตัดบอลในจังหวะที่ คริส วู้ด พยายามขึ้นโหม่งแต่ไม่ขาดก่อน วู้ด จะตามไปเก็บบอลแล้วส่งไวให้ แอชลี่ย์ บาร์นส์ ที่ยืนอยู่แถวเส้น 18 หลาได้ซัดแบบโล่ง ๆ แต่ อลีสซง ยังแก้ตัวได้สำเร็จตามมาล้มตัวป้องกันไว้ได้อย่างเฉียดฉิว

นาทีที่ 21

เชอร์ดาน ชากิรี่ ตั้งป้อมซัดไกลด้วยเท้าซ้ายประมาณ 25 หลาบอลพุ่งแรงแต่ทิศทางยังไม่ดีทำให้หลุดออกข้างเสาไปพอได้เสียว

นาทีที่ 23

ลิเวอร์พูล ยังพยายามเจาะประตูอย่างต่อเนื่อง จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ไหลบอลให้ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ได้หวดเน้น ๆ นอกกรอบ แต่ลงน้ำหนักเบาเกินไปบอลไหลไปเข้ามือ นิค โป๊ป รับไว้ไร้ปัญหา

 นาทีที่ 27

ลิเวอร์พูล ได้ลูกฟรีคิกด้านข้างทางฝั่งซ้าย แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดยัดเข้าไปในเขตโทษ เบิร์นลี่ย์ แต่กลับมีเสียงสัญญาณนกหวีดดังขึ้นเหตุ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ไปทำฟาวน์ใส่แข้งทีมเยือนในจังหวะเบียดแย้งเพื่อจะโหม่งบอล

นาทีที่ 29

ดิว็อค โอริกี้ รับบอลจาก โรเบิร์ตสัน ก่อนจะกระชากเลาะริมเส้นกรอบเขตโทษหาพื้นที่ว่างแล้วกดเลียดด้วยเท้าขวา บอลพุ่งตรงกรอบแต่ยังไม่ผ่านมือ นิค โป๊ป ที่ล้มตัวคว้าไว้ได้อีกครั้ง

นาทีที่ 32

ซาดิโอ มาเน่ จ่ายบอลไปทางฝั่งซ้ายให้ โอริกี้ ได้กระชากตัดเข้าเท้าขวาหน้ากรอบเขตโทษแล้วกดด้วยเท้าขวาอีกครั้งแต่ก็ยังคงมี นิค โป๊ป ที่ยังสมาธิไม่หลุดล้มตัวรับไว้ได้อีกหน

 นาทีที่ 36

เบิร์นลี่ย์ ได้ลูกฟรีคิกทางฝั่งซ้าย  ดไวท์ แม็คนีล โยนโด่งยัดเข้าไปในเขตโทษลิเวอร์พูลเป็น โอริกี้ ที่ขึ้นโหม่งเคลียร์ในจังหวะแรกแต่บอลดันกระดอนไปเข้าทาง  ร็อบ เบรดี้ ได้กดจัง ๆ แต่เหมือนจะโดนไม่ดีทำให้เบาเกินไป  อลีสซง เบ็คเกอร์ จึงไม่ต้องออกแรงเหนื่อยรับเข้ามือสบาย

 นาทีที่ 38

ติอาโก้ อัลคันทาร่า จ่ายบอลให้  เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ได้เติมขึ้นไปหวดไกลแต่ยังคุมทิศทางไม่ดีบอลเหินออกข้ามคานไปไกล

นาทีที่ 40

เจ้าบ้านได้ลุ้นอีกครั้ง มาเน่ จ่ายบอลไปให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ทางฝั่งซ้ายแล้วกดเต็มข้อหวังยัดมุมแคบแต่ถูกปฏิเสธโดย นิค โป๊ป นายด่านทีมเยือนที่ยืนตำแหน่งดีปักหลักทุบบอลเคลียร์พ้นเขตอันตรายออกไปได้

 นาทีที่ 43

ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสทอง ที่จะทำประตูขึ้นนำไปอย่างน่าเสียดาย จากจังหวะเปิดบอลยาวของ ฟาบินโญ่ บอลเหมือนจะไม่มีอะไรเลยไปถึง เบน มี กองหลังเบิร์นลี่ย์ที่พยายามส่งคืนนายทวารแต่กลับเตะโดนเหลี่ยมไม่ดีทำให้ ดิว็อค โอริกี้ ที่วิ่งตามมากดดันโฉบตัดบอลไปได้ก่อนจะหลุดเดี่ยวไปดวลกับ นิค โป๊ป โดย โอริกี้ ตัดสินใจเลือกยิงมุมบนดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างบอลพุ่งไปชนคานบริเวณสามเหลี่ยมอย่างจังกระดอนลงพื้นก่อนที่ นิค โป๊ป จะลุกขึ้นมาคว้าเข้ามือไว้ได้อย่างหวุดหวิด

    จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล เจ้าบ้านที่มีโอกาสมากกว่ายังทำสกอร์แรกไม่ได้เสมอกับ เบิร์นลี่ย์ อยู่ 0-0

 

เปิดครึ่งหลัง

นาทีที่ 51

ลิเวอร์พูล เกือบเปิดกล่องจดสกอร์แรก เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ หลุดขึ้นไปเปิดบอลในเขตโทษเบิร์นลี่ย์ทางฝั่งขวาก่อนไปติด ดไวท์ แม็คนีล แล้วกระดอนมาเข้าทาง เทรนท์ อีกครั้งก่อนเจ้าตัวจะได้กดเน้น ๆ บอลพุ่งทำท่าจะเสียบโคนเสาแต่ นิค โป๊ป ยังโชว์นิ่งล้มตัวป้องกันไว้ได้ยังไม่พลาด

นาทีที่ 57

ตอบโต้กลับมาบ้าง ดไวท์ แม็คนีล โยกหลอกจิ้มอ้อม เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ได้หลุดขึ้นไปเปิดบอลสุดริมเส้นแต่ไม่ผ่าน โฌแอล มาติป ที่อ่านเกมดีตัดบอลเอาไว้ได้

นาทีที่ 60

ลิเวอร์พูล เกือบทำประตูได้ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม กระชากพาบอลมาจากแดนตัวเองก่อนจะส่งให้ ซาลาห์ ได้เลือกมุมยิง ในเขตโทษเบิร์นลี่ย์ แต่ดันไปติดเซฟ นิค โป๊ป ที่เกมนี้โชว์โคตรเซฟพุ่งดักถูกทางคว้าบอลเอาไว้ได้ทำเอา ซาลาห์ ถึงกับนำมือไปกุมที่หัวด้วยความเสียดาย

นาทีที่ 64

ลิเวอรพูล ยังเดินหน้าโหมบุกอย่างต่อเนื่อง เปิดบอลสุดเส้นฝั่งขวาย้อนกลับมาให้ มาเน่ ที่วิ่งเข้ามาชาร์ทเน้นๆ บริเวณแถวๆ จุดโทษแต่ดูเหมือนจะเตะใต้บอลทำให้เหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

 นาทีที่ 67

เบิร์นลี่ย์ ทำหวาดเสียว แมทธิว ลอว์ตัน เปิดโด่งไปให้ แอชลี่ย์ บาร์นส์ ได้ซัดจ่อๆ แต่ อลีสซง พุ่งปัดไว้ได้ แต่กลับมีสัญญาณล้ำหน้าจากผู้ช่วยผู้ตัดสินตามมาหลังจากนั้น

นาทีที่ 71

เบิร์นลี่ย์ เกือบใช้โอกาสอันน้อยนิดจัดการกับลิเวอร์พูลได้โดย ดไวท์ แม็คนีล ใข้ความเร็วพลิกตัวหลุดขึ้นไปเปิดบอลสุดริมเส้นฝั่งซ้ายยัดเข้าไปถึง โยฮันน์ กุ๊ดมุนด์สสัน ที่โฉบมากดเน้นๆ บอลหลุดออกเข้าข้างตาข่ายไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 78

ลิเวอร์พูล ได้ลูกฟรีคิดตรงมุมกรอบเขตโทษฝั่งขวา เทรนท์ เปิดโด่งไปทางเสาไกลโดยมี มาเน่ กระโดดเตรียมโหม่งแต่ถูก นิค โป๊บ ลอยตัวชกบอลออกไปพ้นเขตอันตราย

นาทีที่ 83

 ลิเวอร์พูล เสียประตู จากลูกจุดโทษโดย แอชลี่ย์ บาร์นส์ ที่พลิกตัวหนี ฟาบินโญ่ หลุดเข้าไปแตะบอลหนี อลีสซง เบ็คเกอร์ ที่จะตามมาคว้าบอลแต่ช้ากว่ากลับเป็นไปปัดโดนปลายเท้า บาร์นส์ ล้มลง ไมค์ ดีน ผู้ตัดสินเกมนี้ไม่ลังเลเป่าเป็นจุดโทษทันที และเป็น แอชลี่ย์ บาร์นส์ ลุกขึ้นมาสังหารไม่เหลือโดย อลีสซง เดาถูกทางแต่ด้วยความแรงของลูกบอลทำให้ไปไม่ถึง เบิร์นลี่ย์ ออกนำ 1-0

นาทีที่ 90

ลิเวอร์พูลเกือบทำประตูตีเสมอได้จากจังหวะยิงเปลี่ยนทางบอล ของ ฟิร์มิโน่ แต่ยังมี ดไวท์ แม็คนีล ที่ยืนอยู่ถูกที่ถูกเวลาบอลไปติดตัว แม็คนีล เฉียดออกหลังไปอย่างหวุดหวิด

 

  ลิเวอร์พูล ถูกหยุดสถิติไร้พ่ายในลีกไว้ที่ 68 นัด นับตั้งแต่ เมษายน 2017 อีกทั้งไม่ชนะในลีกมา 5 เกมติด รั้งอันดับ 4 มี 34 แต้มตามจ่าฝูง “แมนยูฯ” ที่แข่ง 19 นัดเท่ากันถึง 6 คะแนนแล้ว

    ขณะที่ เบิร์นลี่ย์ ปลดล็อคการยิงประตูทีมเยือนเม็ดแรกได้สำเร็จนับตั้งแต่ 3 ต.ค.ของปีที่แล้ว

 

ลิเวอร์พูล โดนถล่มคาบ้าน แพ้ทีมเยือนอย่าง เบิร์นลี่ย์ 0-1

 

แทงบอลออนไลน์

สมัครเว็บพนันออนไลน์