กฎเปลี่ยนโลก : ในวันที่ฟีฟ่าแก้กฎส่งคืนหลังผู้รักษาประตู

กฎเปลี่ยนโลก : ในวันที่ฟีฟ่าแก้กฎส่งคืนหลังผู้รักษาประตู

กฎเปลี่ยนโลก : ในวันที่ฟีฟ่าแก้กฎส่งคืนหลังผู้รักษาประตู

นับตั้งแต่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อร้อยกว่าปีก่อน ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ผ่านการปรับปรุงและพัฒนามาตลอด ไม่ว่านำลูกตั้งเตะ เตะมุม จุดโทษ เข้ามาในยุคแรก ไปจนถึงการใช้โกลไลน์ หรือ VAR ในปัจจุบัน

อย่างไรก็ดี บนเส้นทางอันยาวนานของเกมลูกหนัง คงไม่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งไหนที่จะสร้างความสั่นสะเทือนไปกว่าการแก้กฎส่งคืนหลังผู้รักษาประตู ที่ทำให้เกมลูกหนังพลิกโฉมไปอีกหน้าหนึ่ง

เกิดขึ้นอะไรในตอนนั้น ติดตามไปพร้อมกันได้กับคอลัมน์ Chronicles

 

ฟุตบอลแบบแมวไล่จับหนู

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในเสน่ห์ของเกมลูกหนัง คือการที่มันมีการพัฒนาทางด้านแทคติกอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น “คาเตนัคโช” สู่ “โททัล ฟุตบอล” หรือ “ติกิ-ตากา” สู่ “เกเกนเพรสซิ่ง” จนทำให้กีฬาชนิดนี้ ได้รับความนิยมไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย

อย่างไรก็ดีในช่วงปลายทศวรรษที่ 1980s ต่อเนื่องมาถึงต้นทศวรรษที่ 1990s การดูบอลค่อนข้างที่จะอึดอัด เนื่องจากหลายทีมพากันใช้แท็คติกแบบเพลย์เซฟ นั่นคือการส่งบอลคืนกลับไปให้ผู้รักษาประตู

เนื่องจากในยุคนั้น หากส่งบอลคืนหลัง ผู้รักษาประตูสามารถใช้มือรับได้โดยไม่ผิดกติกา ทำให้การส่งบอลคืนโกลกลายเป็นเรื่องปกติหากทีมนำอยู่และต้องการถ่วงเวลา ซึ่งสามารถเห็นได้ ตั้งแต่เกมลีก สโมสรยุโรปไปจนถึงรายการระดับนานาชาติ

ตัวอย่างเช่นในเกม ยูโรเปียนคัพ ปี 1987 ที่ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส เปิดบ้านพบกับ ดินาโม เคียฟ ในเกมนัดที่ 2 ของรอบแรก ผ่าน 50 นาที เรนเจอร์ มีสกอร์รวมนำอยู่ 2-1 พวกเขารู้ดีถ้าโดนยิง แค่ประตูเดียว ก็อาจทำให้ตกรอบได้

ทำให้ในช่วง 5 นาทีสุดท้าย ทั้งสนามได้เห็นสิ่งที่ไม่คาดคิด เมื่อขณะที่ แกรม ซูเนสส์ แข้งเรนเจอร์ส ได้บอลใกล้เขตโทษของ เคียฟ เขาอยู่ในตำแหน่งที่ดีมาก ไม่ว่าจะเลี้ยงไปยิงหรือจ่าย แต่เขากลับหันหลัง แล้วหวดบอลไกลกว่า 70 หลาไปหา คริส วู้ด ผู้รักษาประตูของตัวเอง แน่นอนว่าสุดท้าย เรนเจอร์ส เอาชนะไปได้ในเกมนั้น

แต่นั่นไม่ใช่จุดต่ำสุดของการใช้ช่องโหว่ของกฎนี้ ทำลายความสนุกของฟุตบอล

แม้ว่าฟุตบอลโลก 1990 ที่อิตาลี จะได้รับการยกย่องว่ามีสีสันที่สุด ทั้งการทำให้โลกรู้จักฟุตบอลแอฟริกาของ โรเจอร์ มิลลา ผลงานของ พอล แกสคอยน์ กับฟอร์มที่ดีที่สุดของอังกฤษในเวิลด์คัพ นับตั้งแต่คว้าแชมป์โลก หรือการคว้าแชมป์โลกของเยอรมันตะวันตก ก่อนจะรวมกับตะวันออก แต่มันก็มีจุดด่างพร้อยจากทีมชาติไอร์แลนด์

โดยหนึ่งในนั้นคือเกมพบอียิปต์ ซึ่งเป็นเกมที่มีเสียงครหามากที่สุด เมื่อตลอดทั้งเกม ไอร์แลนด์ ใช้แทคติกถ่วงเวลาด้วยการส่งบอลคืนหลังให้ผู้รักษาประตู จนมีสถิติออกมาว่า แพคกี้ โบนเนอร์ ผู้รักษาประตูของพวกเขา ถือบอลตลอดทั้งเกมเป็นเวลาถึง 6 นาทีเลยทีเดียว

แถมสุดท้ายทีมที่เล่นได้อย่างน่าเบื่ออย่างไอร์แลนด์ ยังไปไกลถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ทั้งที่ไม่สามารถเอาชนะคู่แข่งในเวลาปกติได้แม้แต่เกมเดียว (รอบ 16 ทีมเอาชนะโรมาเนียด้วยการยิงจุดโทษ)

ทำให้สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือ ฟีฟ่า อดรนทนไม่ได้ ต้องมาจัดการในเรื่องนี้ และมันก็นำมาสู่จุดเริ่มต้นของการแก้กฎส่งคืนหลังโกล ที่ปฏิวัติรูปแบบการเล่นของฟุตบอลไปตลอดกาล
ทัวร์นาเมนต์ทิ้งทวน

“ความรู้สึกแง่ลบในฟุตบอลโลก 1990 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมระหว่างไอร์แลนด์ และอียิปต์ ที่ผู้รักษาประตูไอริช แพคกี โบนเนอร์ ถือบอลเกือบ 6 นาทีในเกมนั้น ทำให้มีความคิดที่จะทบทวนเกี่ยวกับกฎการแข่งขัน” โจนาธาน วิลสัน คอลัมนิสต์ของ The Guardian กล่าวในบทความ In memory of backpasses (1863-1993)

ทำให้หลังทัวร์นาเมนต์ที่อิตาลี ฟีฟ่าประกาศว่ากฎนี้จะต้องถูกแก้ไข และหลังจากหารือพวกเขาก็ได้ข้อสรุปว่าต่อจากนี้ ผู้รักษาประตูจะไม่สามารถใช้มือรับบอลได้ หากผู้เล่นฝ่ายเดียวกันส่งบอลคืนหลังด้วยเท้า

แต่ผู้รักษาประตูยังสามารถใช้มือรับบอลได้ หากเป็นการส่งคืนด้วยอวัยวะอื่น ไม่ว่าจะเป็นเข่า หน้าอก หรือหัว และที่สำคัญ หากแม้บอลจะออกมาจากเท้า แต่ไม่ได้มีเจตนาส่งคืน หรือเป็นการสกัด โกลก็ยังสามารถใช้มือรับได้เหมือนเดิม

ฟีฟ่ายืนยันว่า ว่ากฎใหม่จะถูกนำมาใช้หลัง ยูโร 1992 ทำให้ศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปที่สวีเดน กลายเป็นรายการระดับนานาชาติ รายการสุดท้าย ที่ผู้รักษาประตูยังคงใช้มือรับบอลจากการส่งคืนของเพื่อนร่วมทีมได้

และมันก็ยิ่งตอกย้ำ ว่าการแก้กฎเป็นเรื่องที่ถูกแล้ว

 

เพราะแม้ว่าเดนมาร์ก จะสร้างเทพนิยายเดนส์ ด้วยการก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์ ทั้งที่เข้ารอบมา ในฐานะมวยแทนของ ยูโกสลาเวีย ที่มีปัญหาทางการเมือง แต่รูปแบบการเล่นของพวกเขากลับไม่ได้ถูกชื่นชมนัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนัดชิงชนะเลิศกับเยอรมัน หลังจากออกนำตั้งแต่ต้นเกม แทคติกที่ ริชาร์ด โมเลอร์ นีลเซน กุนซือของเดนมาร์กนำมาใช้ก็คือ เคาะบอลไปมา ก่อนจะส่งคืนหลังให้ ปีเตอร์ ชไมเคิล ใช้มือรับ จากนั้นค่อยส่งบอลให้กองหลัง แล้วส่งคืนกลับมายังโกลอีกครั้ง ทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆจนหมดเวลา

แน่นอนว่าแทคติกดังกล่าว ทำให้เดนมาร์ก ถูกวิจารณ์พอสมควร แต่หลายคนก็ยังมองในแง่ดี เพราะคิดว่าต่อจากนี้เรื่องแบบนี้คงจะไม่มีให้เห็นอีกแล้วในเกมการแข่งขัน และน่าจะเห็นเกมที่สนุกขึ้นมากกว่านี้จากกฎใหม่

 

สมัครแทงบอลคลิก

สมัครสมาชิกคลิก

 

กฎเปลี่ยนโลก : ในวันที่ฟีฟ่าแก้กฎส่งคืนหลังผู้รักษาประตู